วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีทำขนมหม้อแกงไข่



สูตรขนมหม้อแกงการทำขนมหม้อแกงพร้อมเคล็ดลับความอร่อย

การทำขนมหม้อแกงไข่เป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ เนื่องจากขนมหม้อแกงไข่หาทานยากเพราะวัตถุดิบมีราคาแพงจึงทำให้มีการปรับปรุงสูตรขนมหม้อแกงให้มีความหลากหลายมากขึ้น
เช่นทำเป็นขนมหม้อแกงเผือก ขนมหม้อแกงถั่ว มีการแต่งหน้าด้วยเม็ดบัวซึ่งจากเดิมใช้เพียงหอมเจียวโรยหน้าขนมเท่านั้น การปรับปรุงสูตรขนมหม้อแกงนอกจากทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลงแล้วยังทำให้ขนมหม้อแกงมีรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น สำหรับสูตรและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่มีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้
ส่วนประกอบและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่
ส่วนประกอบ
1.ไข่เป็ด 10 ฟอง
2.หัวกะทิ 2½ ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
4.น้ำตาลปีบ 1 ½ ถ้วยตวง
5.ใบเตย 3 ใบ
6.หัวหอมเจียว 1 ถ้วยตวง
7.แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมหม้อแกง
1.ต่อยไข่เป็ดทั้ง 10 ฟองใส่ในภาชนะเติมน้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ ขยำด้วยใบเตยให้ส่วนผสมเข้า กัน
2.ละลายแป้งสาลีกับน้ำกะทิ 2 ถ้วย จากนั้นเทรวมกับไข่และส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
3.กรองส่วนผสมในข้อ 2 ด้วยผ้าขาวบาง

ขนมหม้อแกง

4.ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์หรือถาดจนหมด จากนั้นเทหัวกะทิลงในพิมพ์หรือถาดแต่ละอัน
5.นำขนมเข้าไปอบอุณหภูมิที่ 200 เซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
6.เมื่ออบจนสุกแล้วนำขนมออกมาโรยด้วยหอมเจียว
เคล็ดลับความอร่อย
1.ขนมหม้อแกงไข่ที่อร่อยต้องมีความมัน ในส่วนผสมจึงต้องใช้หัวกะทิที่มีความเข้มข้น
2.การตีไข่ควรตีให้ไข่ขาวแตกตัวจนขึ้นนวล
3.การอบต้องใช้ไฟบนน้อยกว่าไฟล่าง
ทราบเคล็ดลับความอร่อยและวิธีทำขนมหม้อแกงไข่กันแล้ว คงช่วยให้คนที่สนใจนำหม้อแกงไข่ไปทำขายเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจได้แล้วนะคะ

ประโยชน์ของกล้วยบวชชี


กล้วยบวชชี

   กล้วยบวชชี เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่ง    เป็นขนมที่ดูเหมือน ธรรมดา แต่มีความเป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ    กล้วยน้ำว้า มะพร้าวหรือน้ำกะทิเป็นวัตถุดิบที่คนไทยนำมาใช้            ประกอบอาหาร ตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบัน หรือจะใช้กล้วยไข่      ก็ได้ 
   การทำกล้วยบวชชีในตำรับนี้ผู้เขียนจะใช้กะทิธัญพืชเป็นส่วน            ประกอบแทนกะทิทั่วไป เพื่อให้เป็นตำรับสุขภาพที่ทุกคนกินได้
   ส่วนผสม
   กล้วยน้ำว้าสุก ๑๒ ผล ขนาดกลาง, กะทิธัญพืช ๖ ถ้วยตวง,              น้ำตาลทราย ๒๐๐ กรัม, เกลือ ๕ กรัม
   วิธีทำ
   ๑. ปอกเปลือกกล้วยให้สะอาด หั่นให้เป็น ๔ ชิ้นต่อ ๑ ผล
๒. นำกล้วยไปต้มในน้ำเดือดให้พอสุกเพื่อเอายางออก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
๓. นำกะทิตั้งไฟปานกลางให้เดือดใส่กล้วยลงไป หรี่ไฟอ่อน เพื่อให้ความหวานของกล้วยออกมา
๔. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ตามด้วยเกลือ ชิมรสให้ออกมัน หวาน เค็มเล็กน้อย รสกลมกล่อม

หมายเหตุ การทำกล้วยบวชชีให้อร่อย กล้วยจะต้องเป็นกล้วยสวน ไม่ฝาด ไม่มีเมล็ด กะทิไม่ควรเคี่ยวจนแตกมัน เมื่อเวลากินจะติดลิ้น ปาก ไม่อร่อยชวนกิน
ปริมาณ อาหารสำเร็จได้น้ำหนักประมาณ ๑,๘๐๐ กรัม
เสิร์ฟได้ประมาณ ๑๒ คน คนละ ๑๕๐ กรัม

กล้วยบวชชีทำจากกะทิธัญพืชถ้วยนี้ให้พลังงาน ๒๗๕ กิโลแคลอรี หรือคิดเป็น ๑ ใน ๖ ของผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ ๑,๖๐๐ กิโลแคลอรี และให้ไขมัน ๑๖.๒  กรัม หรือประมาณร้อยละ ๒๗ ของปริมาณไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (แนะนำโดยเฉลี่ย ๖๐ กรัม)  ซึ่งไขมันนี้มาจากน้ำกะทินั่นเอง สำหรับกล้วยบวชชีที่ใช้กะทิธรรมดาและมีความเข้มข้นของกะทิปานกลางให้พลังงานมากกว่ากล้วยบวชชีที่ทำจากกะทิธัญพืชประมาณ ๕๐ กิโลแคลอรี โดยให้ไขมันและคาร์ไบ-ไฮเดรตมากกว่า เนื่องจากพลังงานและไขมันจากกล้วยบวชชีส่วนใหญ่มาจากกะทิและน้ำตาล

ดังนั้น ขนมหวานถ้วยนี้จะให้พลังงานและไขมันมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการคั้น กะทิและปริมาณ แต่ถ้าใช้กะทิสำเร็จรูป ควรผสมน้ำลงไปเพื่อเจือจางความเข้มข้นของกะทิ ส่วนน้ำตาลให้ใส่พอประมาณอย่าให้กล้วยบวชชีมีรสชาติหวานจัด

ถ้าเป็นกล้วยบวชชีที่ซื้อมาจากร้านค้า เราอาจลดพลังงานและไขมันได้โดยการกินในส่วนที่เป็นน้ำกะทิแต่พอประมาณเท่านั้น หรือถ้ารู้สึกว่ากินในส่วนน้ำกะทิมากไปสักหน่อย เมื่อกินอาหารในมื้อต่อไปเราควรลดหรือหลีกเลี่ยงการกินอาหารประเภทผัด  ทอด อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ และเนื้อสัตว์ที่มีมันมาก เช่น เนื้อหมูติดมัน เนื้อไก่และเป็ดที่มีหนังติดอยู่ เป็นต้น 

สำหรับการกินขนมหวานที่ทำจากผลไม้ ธัญพืชหรือพืชผักบางชนิด มีข้อดีกว่าขนมหวานทั่วๆ ไปที่ทำมาจากแป้ง คือ เราจะได้ใยอาหารเพิ่มขึ้นมา
สำหรับกล้วยบวชชี ๑ ถ้วย ให้ใยอาหารประมาณ ร้อยละ ๕ ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (แนะนำ ๒๕ กรัม) 

ส่วนปริมาณวิตามินซีถ้ากินกล้วยน้ำว้าสุก ๑ ผล จะได้รับวิตามินซีประมาณ ๖.๒ มิลลิกรัมหรือร้อยละ ๑๐ ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (แนะนำ ๖๐ มิลลิกรัม แต่เมื่อนำกล้วยน้ำว้ามาทำกล้วยบวชชี ปริมาณวิตามินซีส่วนหนึ่งจะถูกทำลายไปด้วยความร้อน ดังนั้น ปริมาณวิตามินซีที่เราได้รับจากกล้วยบวชชี ๑ ถ้วย จะน้อยกว่าที่แสดงในตารางคุณค่าทางโภชนาการ 

วิธีทำการขนมทองม้วน


           1. ผสมแป้งมันกับแป้งสาลีอเนกประสงค์เข้าด้วยกันในชามผสม เตรียมไว้
           2. ผสมกะทิ เกลือป่น และน้ำตาลมะพร้าว ใช้ตระกร้อมือตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ไก่ลงไปตีให้เข้ากัน ค่อย ๆ เทใส่ลงในชามแป้งทีละน้อย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งให้ข้นเป็นเนื้อเดียว (แต่ไม่ต้องข้นมาก) สุดท้ายใส่งาดำคั่วลงไป พักไว้ประมาณ 30 นาที

           3. แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 3 ถ้วย หยดสีผสมอาหารลงไปทีละนิด คนผสมให้เข้ากันจนได้สีที่ชอบ สุดท้ายแบ่งใส่เนื้อมะพร้าวลงไปเท่า ๆ กัน เตรียมไว้ 



           4. นำกะทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน (ใช้ไฟวงเล็กตรงกลาง) พอให้กระทะร้อนนิด ๆ แล้วตักส่วนผสมแป้งหยอดลงไป เกลี่ยให้เป็นวงกลมตามรูป 

           5. พอเกลี่ยเป็นวงกลมแล้วให้เร่งไฟแรงขึ้นเล็กน้อยรอให้เนื้อแป้งสุก จากนั้นใช้ตะเกียบพลิกกลับ   ด้าน
           6. พอแป้งสุกนำขึ้นนำไปวางที่เขียง เวลาม้วนให้ใช้ตะเกียบ 2 อัน คีบแผ่นแป้งขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ม้วนแบบหลวม ๆ (ม้วนหลวม ๆ ล่ะ เดี๋ยวเอาตะเกียบไม่ออกนะ ชิ้นแรกอ้อก็เจอเลยเพราะครั้งแรกตื่นเต้น ม้วนแน่นไปหน่อย จึงเตือนกันเอาไว้ก่อน) ดึงตะเกียบออกจากแป้ง ทำจนครบทั้ง 3 สี จัดใส่จาน พร้อมรับประทาน


ขนมครก





 


 ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยังพบในพม่า ลาว และอินโดนีเซีย โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่าเซอราบี (serabi)
           
           มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม




ขนมครก มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เนื่องจากประเทศไทย มีข้าวเป็นอาหารหลัก จึงนำข้าวมาทำเป็นอาหารทั้งคาวและหวานมากมาย ขนมครก เป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ ในทุกที่ของประเทศไทยหารับประทานได้ไม่ยากในปัจจุบัน



วิธีทำหน้าไข่เค็ม  นำไข่เค็มต้มสุก มาแกะเปลือกออก นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอยๆ ใช้โรยหน้าขนมครก เพิ่มความอร่อยด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และผักชี (เฉพาะใบ)
วิธีทำหน้ากุ้ง  ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึก ในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด นำไปรวน ใส่พริกไทย เกลือป่น ชิมให้ออกรสเค็มนิดๆ โรยบนหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบๆหรือว่าใครจะคิดสูตรหน้าขนมครกใหม่ๆ เองก็ได้นะคะขนมครกของเราจะได้ไม่เหมือนใคร

ขนมบัวลอย



บัวลอยไข่หวานและไข่เค็ม


    บัวลอย ของหวานที่เป็นของโปรดของใครหลายๆคน รวมทั้งเราและสามีด้วย แต่…ต้องทานอย่างระมัดระวังนะคะ เพราะมีทั้งแป้ง น้ำตาล กะทิ และไข่ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วนนั่นเองค่ะ (บัวลอยของเราก็คือ บัวลอยไข่หวาน ที่นำมาปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีสีสันเพิ่มขึ้น หน้าตาน่ารับประทานมากขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของชื่อบัวลอยสามสีค่ะ สีสวยและอร่อยด้วย )

   หั่นเผือกเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อให้สุกง่ายและทั่วถึง




   หั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็ก เพื่อให้สุกง่ายเช่นกันค่ะ

ฟักทอง

   เราจะนึ่งฟักทอง และเผือกกันก่อนค่ะ ใช้เวลาการนึ่งเมื่อน้ำเดือด จับเวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ ถ้าเราหั่นชิ้นใหญ่ก็จะใช้เวลานึ่งนานกว่านั้นค่ะ


เผือกนึ่งและฟักทองนึ่ง

   ปั่นจนละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นนำไปกรองเอากากใบเตยออกให้เกลี้ยงค่ะ

เทใส่กระชอนเพื่อกรองกากใบเตย


  จากนั้นใครมีลูกมีหลาน ก็เอามาร่วมสนุกในขั้นตอนการปั้นนี้ได้เลยค่ะ

ปั้นเป็นลูกขนาดตามชอบค่ะ


   เมื่อน้ำเดือด ตามด้วยบัวที่ยังไม่ลอยค่ะ


   กลายเป็นบัวลอยหมดแล้วค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีทำบราวนี่ด้วยหม้อหุงข้าว เนื้อหนึบหนับ ไม่ง้อเตาอบ


          วิธีทำบราวนี่เตาอบชิดซ้าย วิธีทำบราวนี่ไมโครเวฟชิดขวา ตอนนี้ต้องยกให้วิธีทำบราวนี่หม้อหุงข้าวมาวินเป็นที่หนึ่งในใจได้เลยค่ะ ก็แหม… สมัยนี้โลกไปไกลถึงไหนแล้ว เขามีวิธีทำบราวนี่ ที่สุดแสนจะง่าย แค่หม้อหุงข้าวใบเดียวก็ทำบราวนี่ง่าย ๆ ได้แล้ว

          ใครที่ชอบกินบราวนี่ช็อกโกแลต รสหวาน ๆ ขม ๆ เนื้อหนึบหนับ เชื่อว่าคงจะอยากลองทำเองกัน วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีทำบราวนี่ด้วยหม้อหุงข้าวมาฝาก แม้แต่เครื่องตีแป้งก็ยังไม่ต้องใช้เลยด้วย เป็นสูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม รสชาติอร่อยเหมือนเดิม ได้เนื้อช็อกโกแลตเน้น ๆ และยังชิ้นใหญ่จุใจตามไซส์หม้ออีกด้วย คนที่ชอบบราวนี่ต้องลองเลยล่ะ


 บราวนี่ เนื้อหนึบหนับ ไม่ง้อเครื่องตี ไม่มีเตาอบ มีหม้อหุงข้าวก็ฟินได้ โดย คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          สวัสดีค่ะ วันนี้มาชวนทำบราวนี่เนื้อหนึบกัน ไม่มีเครื่องตีแป้ง ไม่มีเตาอบ แค่มีเพียงหม้อหุงข้าวเท่านั้น เรายังเอาดีทางด้านเค้กหม้อหุงข้าวค่ะ เพราะไม่มีเตาอบไปทำกันเลย


 ส่วนผสม

  •            แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
  •            ผงโกโก้ 1/6 ถ้วย
  •            ผงฟู 2 ช้อนชา
  •            ไข่ไก่ 2 ฟอง
  •            เนยสด 60 กรัม
  •            น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  •            ช็อกโกแลต 175 กรัม
  •            กาแฟ 1 ช้อนชา
 วิธีทำ

  •            ละลายเนยสดกับช็อกโกแลตโดยใช้ไมโครเวฟกำลังไฟ 600 วัตต์ ละลายครั้งละ 30 วินาที ประมาณ 3 ครั้ง
  •            นำส่วนผสมออกจากไมโครเวฟแล้วคนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว พักไว้จนเย็น
  •            พอส่วนผสมช็อกโกแลตละลายเย็นดีแล้ว ตอกไข่ไก่ ใส่น้ำตาลทราย และผงกาแฟลงในอ่างผสม
  •            ตีจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  •            ใส่ส่วนผสมช็อกโกแลตละลายที่เย็นแล้วลงไป คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว 
  •            ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู และช็อกโกแลตลงไป
  •            ตีจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  •            กรุกระดาษไขลงไปในหม้อหุงข้าวก่อนนะคะ ค่อย ๆ เทส่วนผสมลงไป (ตามด้วยอัลมอนด์สไลซ์) จากนั้นกดปุ่มหุงข้าวเลยค่ะ
  •            ถ้าหม้อหุงข้าวมีโปรแกรมหุงเค้กก็กดปุ่มหุงเค้กได้เลยค่ะ ส่วนถ้าเป็นหม้อข้าวธรรมดาก็กดปุ่มหุงข้าวปกติเลย ถ้าปุ่มมันตัดก็รอให้หม้อเย็นแล้วกดปุ่มหุงใหม่ อย่าลืมกดปุ่มนะคะ ไม่เช่นนั้นเนื้อบราวนี่จะเป็นไตนะคะ
  •            การสังเกตว่า บราวนี่สุกหรือยังให้ใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มลงไปในเนื้อบราวนี่ ถ้าไม่มีเนื้อบราวนี่ติดไม้ขึ้นมาก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ
  •            นำบราวนี่ที่สุกแล้วออกจากหม้อหุงข้าว พักไว้บนตะแกรง
  •            เสร็จแล้วค่ะ ไม่ยากเนอะ ลองทำกันดูนะคะ
  •            ตัดเป็นชิ้น ๆ
             จบไปแล้วสำหรับวิธีทำบราวนี่หม้อหุงข้าว เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้บราวนี่หน้านิ่มช็อกโกแลตเยิ้ม โรยอัลมอนด์สไลซ์ ดูหน้าตาน่าทานจังเลยนะคะ รสชาติอร่อยไม่แพ้บราวนี่เตาอบเลยล่ะ หาก  เพื่อยากเปลี่ยนหน้าตาบราวนี่เสียใหม่ก็ใช้วัตถุดิบอย่างอื่นโรยได้ค่ะ เช่น มะพร้าวอบแห้ง โอรีโอ้ ช็อกโกแลต     M&M เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดดอกทานตะวัน เป็นต้น ถ้ารักพี่เสียดายน้องก็จัดการจับคู่เลือกโรยหน้าอย่างละครึ่งได้ด้วยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

วิธีทำช็อกโกแลตง่าย ๆ แบบฉบับเร่งด่วน จากของเหลือในบ้าน

          ใกล้วันครบรอบที่คบกับแฟนทีไร ก็มักจะลืมได้ทุกทีสินะ ครั้นจะรีบวิ่งไปหาซื้อดอกกุหลาบหรือขนมน่ารัก ๆ ก็คงไม่ทัน ลองมาดูวิธีทำช็อกโกแลต แบบฉบับเร่งด่วน จับของหาง่าย ๆ ที่มีในบ้านในตู้เย็นมาคน ๆ รวมกัน ใช้เวลานิดเดียวก็ได้ของขวัญสุดคิวท์ไว้แก้ต่างได้แล้ว
          เมื่ออยากทำเมนูขนมสักอย่าง แต่ข้าวของในบ้านที่พอจะหาได้ก็ไม่อำนวยมากนัก ครั้นจะออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตก็ลำบากลำบนคนไม่มีรถ เอาอย่างนี้แล้วกัน มาดูวิธีทำช็อกโกแลตแบบง่าย ๆ ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่พอจะหาได้ง่าย ๆ อย่างช็อกโกแลต ถั่ว ผลไม้อบแห้ง ซีเรียล หรือไม่ก็มูสลี่ที่ไว้กินตอนเช้า ๆ ก็ลองจับมาช็อกโกแลตง่าย ๆ ทำเสียเลย เป็นไอเดียช่วยชีวิตจากนิตยสาร Gourmet & Cuisine ที่มีให้เลือกถึง 2 แบบ 2 สไตล์ด้วยกัน พร้อมแล้วก็ค้นตู้เย็นหาของได้เลย
          เมื่ออยากทำช็อกโกแลต (Home Chocolate) นิตยสาร Gourmet & Cuisine เรื่อง: Petch, ภาพ:  Nopparat  Tosati, สไตล์ลิสต์ : Kontanun Sunthitiseree

          เปิดตู้เย็นมาเจอทั้งช็อกโกแลต ถั่ว และผลไม้แห้งที่ซื้อเก็บไว้เต็มตู้ ไม่นับพวกซีเรียลต่าง ๆ ที่ซื้อมาเยอะจนทานคนเดียวคงไม่หมด ว่าแล้วเราก็เอามาแปรรูปเป็นช็อกโกแลตแบบง่าย ๆ เอาไปแจกเพื่อน ๆ ดีกว่า

 1. Chocolate Drop with Fruit & Nut
 สิ่งที่ต้องเตรียม
  •            ช็อกโกแลต ประมาณ 200 กรัม (ไวท์ช็อโกแลต หรือช็อกโกแลตอื่น ๆ ตามชอบ) 
  •            ถั่ว หรือผลไม้อบแห้ง (ตามชอบ)
 วิธีทำ
           1. นำช็อกโกแลตเทใส่ในชามอะลูมิเนียมหรือชามกระเบื้อง นำไปวางบนหม้อต้มน้ำร้อน เปิดไฟปานกลางรอ 3-5 นาที คนจนช็อกโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียว
           2. ยกชามใส่ช็อกโกแลตลงมาวางบนโต๊ะ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนช็อกโกแลตละลายหมด ถ้ายังมีช็อกโกแลตที่เป็นก้อนให้นำชามกลับไปวางบนหม้อน้ำร้อนใหม่
           3. ตักช็อกโกแลตที่คนจนหายร้อนแล้วหยอดลงบนแผ่นซิลิโคนครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ พยายามหยอดให้เป็นทรงกลมเรียงจนเต็มแผ่นซิลิโคน
           4. โรยหน้าช็อกโกแลตด้วยถั่วและผลไม้แห้งตามชอบ นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง


 2. No-Bake Cereal Bar
 ส่วนผสม

  •            เนยถั่ว 1/2 ถ้วย 
  •            น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย
  •            เนยเค็ม 1/4 ถ้วย
  •            ช็อกโกแลต 1 ถ้วย (ไวท์ช็อโกแลต หรือช็อกโกแลตอื่น ๆ ตามชอบ) 
  •            ซีเรียลผสมผลไม้แห้วและถั่ว (ตามชอบ) 2 ถ้วย
 วิธีทำ
           1. ตวงเนยถั่ว น้ำผึ้ง และเนยเค็ม ใส่ลงในหม้อขนาดเล็ก ตั้งไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเข้ากัน
           2. เทช็อกโกแลตลงไปผสมกับส่วนผสมเนยถั่ว คนไปเรื่อย ๆ จนช็อกโกแลตละลายและส่วนผสมเข้ากัน ยกลงจากเตา
           3. ตวงซีเรียลผสมกับผลไม้แห้งและถั่วตามชอบ เทลงไปผสมกับส่วนผสมช็อกโกแลตคนให้เข้ากัน
           4. ตักส่วนผสมใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ สามารถตกแต่งด้านบนเพิ่มด้วยช็อกโกแลตชิปหรือถั่วต่าง ๆ ตามชอบ นำไปแช่เย็นไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของช็อกโกแลต)  
          แค่นี้เอง เราก็ได้ช็อกโกแลตง่าย ๆ ถึง 2 แบบไว้ทำยามฉุกฌฉิน อยากจะมอบเป็นของขวัญให้คนรักในวันครบรอบก็รีบเลย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

http://cooking.kapook.com/view123392.html

โยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก วิธีทำเค้กง่าย ๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก
          ความหนึบหนับเคี้ยวเพลินและสีสันสดใสของเจ้าปีโป้ทำให้หลายคนหลงใหล แต่ครั้นแค่แกะฝาและปลิ้นออกมากินมันง่ายไป ลองมาหาอะไรสนุก ๆ ทำกันหน่อยดีไหมกับวิธีทำโยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก (Yoghurt and Pipo Mousse Cake) ทำง่ายและยังมีสีสันสวยงามน่ารับประทานอีกต่างหาก
          คุณพ่อบ้านแม่บ้านรวมทั้งคนที่อยากหาเมนูเด็ดเซอร์ไพรส์คุณแฟนทั้งหลาย ประกาศ ๆ ไม่ต้องไปนั่งเปิดสูตรอาหารแกะสลักและนั่งพับเพียบเรียบร้อยนั่งทำหลังขดหลังแข็งเพื่อมัดใจคนที่คุณรักให้เมื่อยตุ้มหรอกจ้า วันนี้กระปุกดอทคอมมีเมนูแสนวิเศษ โยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก (Yoghurt and Pipo Mousse Cake) สูตรจาก คุณ Gift Sunantika สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ใช้โยเกิร์ตธรรมชาติ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการไดเอต และยังมีปีโป้แสนอร่อยช่วยเพิ่มความกลมกล่อมอีกด้วย
    ลองทำง่าย ๆ กับ "Yoghurt and Pipo Mousse Cake" ปีโป้มูสเค้ก โดย คุณ Gift Sunantika สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
          สวัสดีค่า นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรา กระทู้นี้ขอนำเสนอ แถ่น แถน แถ้น... ปีโป้มูสเค้กกกก... เป็นสูตรดัดแปลงมาจากคุณ zaturday kick โดยของเราใช้ฐานเป็นเค้กช็อกโกแลตที่เหลือมาจากการทำช็อกโกแลตหน้านิ่ม อิอิ สูตรนี้จะทำเค้กได้ 3 ปอนด์ ตัด 10 ชิ้น หรือ 12 ชิ้นนะจ๊ะ ลงมือกันเลยยยย !! ก่อนอื่นขอบอกว่านี่เป็นกระทู้แรกเลย หากมีอะไรผิดพลาดก็ ขออภัยด้วยนะคะ


 ส่วนผสม
  •            น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
  •            เจลาตินชนิดผง 12 กรัม
  •            นมเปรี้ยว (เราใช้  Dutch Mill รสผลไม้รวม) 150 มิลลิลิตร
  •            โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 225 กรัม
  •            น้ำตาลทราย 60 กรัม (ไม่ชอบหวานก็ลดปริมาณลงได้นะ)
  •            ปีโป้ (พระเอกของเรา)
  •            วิปปิ้งครีม (เราใช้ของยี่ห้อ Anchor) 225 กรัม
  •            เค้กช็อกโกแลตอบสำเร็จ ขนาด 2 ปอนด์ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร
 อุปกรณ์
  •             อ่างผสม
  •             ชามทนความร้อน
  •             กระทะ
  •             ไม้พาย
  •             ตะกร้อมือ
  •             พิมพ์มูส ขนาด 3 ปอนด์
 วิธีทำ
  •            ก่อนอื่นเอาผงเจลาตินใส่ชามทนความร้อนแล้วใส่น้ำเปล่าประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ คนจนละลาย จากนั้นก็นำเข้าไมโครเวฟสักครู่เพื่อให้เจลาตินละลายเป็นน้ำใส ๆ แต่ถ้าไม่มีไมโครเวฟให้นำภาชนะที่ใหญ่กว่ามาใส่น้ำร้อนและนำถ้วยที่จะใช้ละลายเจลาตินลงไปวางในนั้น คนสักครู่ เจลาตินก็จะละลายเหมือนกันจ้า
  •            นำนมเปรี้ยว โยเกิร์ต และน้ำตาลทราย ที่ตวงไว้ ใส่กระทะขึ้นตั้งไฟพอให้น้ำตาลละลาย จากนั้นก็นำเจลาตินที่ละลายแล้วมาใส่รวมกัน และปิดไฟทันที ไม่ต้องให้เดือดปุด ๆ นะ เพราะจะร้อนเกินไป
  •            ระหว่างรอให้ส่วนผสมนมเปรี้ยวเย็น เราก็มาหั่นปีโป้กันเลย ขนาดตามชอบ ปริมาณตามใจ
  •            เมื่อส่วนผสมนมเปรี้ยวใกล้จะเย็น เราก็มาตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดอ่อน ไม่ต้องแข็งมากเดี๋ยวจะผสมยาก
  •            จากนั้นนำส่วนผสมนมเปรี้ยวมาใส่ในวิปปิ้งครีม และคนให้เข้ากัน
  •            เอาปีโป้ที่หั่นเสร็จแล้วใส่ในตัวมูส 
  •            เทใส่พิมพ์ที่รองด้วยฐานเค้กช็อกโกแลต นำพิมพ์มูสไปเข้าตู้เย็นประมาณ 15 นาที 
  •            พอให้หน้ามูสตึงก็เอาปีโป้มาโรยหน้าอีกครั้งแล้วนำไปแช่ตู้เย็นอีก 6 ชั่วโมง 
           เสร็จแล้ว โยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก หน้าตาน่าทานไหม อย่าลืมลองทำกันดูนะค ป.ล. เราลองทานดูแล้ว แนะนำว่าถ้าเป็นฐานพายโอริโอ้หรือฐานพายแครกเกอร์โรซี่ น่าจะเข้ากันกว่าฐานช็อกโกแลตนะ 555 ถ้าอยากให้เราลองทำเค้กอะไร เข้าไปบอกกันได้ที่เฟซบุ๊ก A demain หรือ  Instagram  Ademain_cafe นะคะ ^_^           เป็นอย่างไรบ้างกับวิธีทำโยเกิร์ตปีโป้มูสเค้ก บอกแล้วว่า ทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิธีทำชูครีม


          ชูครีมลูกใหญ่โตอาจจะกินได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ลองมาดูวิธีทำชูครีมลูกน้อย ๆ น่าเอ็นดูแบบนี้ดู หยิบเข้าปากได้ทั้งลูก เคี้ยวเพลิน ๆ

          มาอีกแล้วค่ะ... วิธีทำชูครีมลูกกลม ๆ น้อย ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ที่คนไทยเผลอเรียกติดปากกันไปแล้วว่า เอแคลร์ แต่เอาเถอะ อย่างไรขนมสองชนิดนี้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอยู่ดี วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีอีกหนึ่งวิธีทำชูครีม สูตรจาก คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่อาจจะไม่ต้องเป็นลูกใหญ่โตเหมือนร้านขนม แต่ลดให้เหลือชิ้นเล็ก ๆ ไว้ให้ได้หยิบกินกันเพลิน ๆ


 ส่วนผสม ไส้คัสตาร์ดครีม

  •            นมสด 2 ถ้วยตวง
  •            น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 1/4 ถ้วยตวง
  •            เกลือป่นหยิบมือ
  •            กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (หรือฝักวานิลลา 1/2 ฝัก)
  •            ไข่แดง 4 ฟอง (จากไข่ไก่ฟองใหญ่)
  •            น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 1/4 ถ้วยตวง
  •            แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วยตวง
  •            เนยสดชนิดจืด (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 30 กรัม

 วิธีทำ
  •            ใส่นมสดลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย (1/4 ถ้วย) เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ อุ่นแค่พอร้อน (ไม่ต้องเดือด) ยกลงจากเตา เตรียมไว้
  •            ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลทราย (1/4 ถ้วย) จนเป็นสีเหลืองนวล จากนั้นใส่แป้งข้าวโพดลงไป คนผสมให้เข้ากัน
  •            เทนมอุ่นส่วนหนึ่งลงไปในไข่แดงแล้วคนให้เข้ากัน
  •            เทกลับลงในหม้อแล้วนำขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง
  •            เปิดไฟอ่อนหรือไฟกลางแล้วหมั่นคนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมข้น (ตอนแรก ๆ มันจะไม่ข้นในทันที แต่ถ้าข้นแล้วก็ระวังก้นหม้อไหม้นะ เคยมาแล้วด้วยความเงอะงะและใจร้อนเร่งไฟ แนะนำว่าให้ใจเย็น ๆ กวนไปเรื่อย ๆ จนข้น ไม่ต้องเร่งไฟ)
  •            เมื่อส่วนผสมข้นได้ที่แล้ว ใส่เนยสดที่หั่นไว้ลงไปกวนผสมให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่ชาม ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารให้เรียบไปกับตัวคัสตาร์ดครีม พักทิ้งไว้ให้เย็น (เห็นไหมก็ไม่ยากเย็นอะไรนะ ทุกคนก็ทำได้ แต่ดีหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้สินะ ฮ่า ฮ่า) 
 ส่วนผสม แป้งชูครีม
  •             น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  •             น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  •             เกลือ 1/2 ช้อนชา
  •             เนยสด 110 กรัม
  •             แป้งอเนกประสงค์ 1 1/4 ถ้วย (ร่อนเตรียมไว้)
  •             ไข่ไก่ 4 ฟอง
 วิธีทำ
  •             ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น และเนยสดลงไป เปิดไฟต้มจนเดือด
  •             พอเดือดแล้วใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป คนผสมเร็ว ๆ จนแป้งไม่ติดหม้อ ยกลงจากเตา (ถ้าหม้อใบเล็กเกินไปแล้วคนไม่ถนัดให้เปลี่ยนมาใส่อ่างใบใหญ่)
  •             กวน ๆ แป้งให้คลายความร้อน หรือนำไปใส่เครื่องตีแป้งก็ได้ จากนั้นไส่ไข่ไก่ลงไปทีละฟอง กวนแป้งไป-มาจนไข่เข้ากับแป้งดีแล้ว จากนั้นใส่ไข่ฟองต่อไป ทำซ้ำแบบเดิมจนครบ   
  • ตักแป้งใส่ถุงบีบ แล้วบีบแป้งลงในถาดรองอบ
  •           นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง อบประมาณ 10 นาที จากนั้นลดไฟลงเหลือที่ 180 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 10-15 นาที (ห้ามเปิดเตา เพราะขนมจะยุบ ช่วง 10 นาทีหลังก็กลับถาดขนม สีจะได้สวยเท่ากัน)
  •             พอครบเวลานำออกจากเตาอบ พักทิ้งไว้ในตะแกรงให้เย็น (ออกมาแล้ว หน้าตาพอได้นะ ว่าปะ) พอแป้งเย็นแล้วก็เจาะรูที่ก้นขนม (จะได้ใส่ไส้ง่าย ๆ)
  •             นำส่วนผสมไส้ครีมใส่ถุงบีบให้เรียบร้อย
  •             บีบไส้ครีมเข้าไปในตัวแป้ง
  •             พร้อมรับประทาน

          ชูครีมสูตรนี้น่าตาหน้าเอ็นดูมาก ๆ ลูกเล็ก ๆ กลม ๆ แบบนี้กี่ลูกจะพอล่ะเนี่ย ส่วนใครที่สนใจสูตรขนมง่าย ๆ สำหรับมือใหม่หัดทำก็ลองเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก คนอยากทำเค้กคนลดความอ้วนอย่าแอบร้องไห้นะคะ 
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

วิธีทำบานอฟฟีพาย

        สวัสดีค่ะ วันนี้ชวนมาทำบานอฟฟีกัน ขนมไม่อบอีกแล้ว บางคนสงสัยบานอฟฟีคืออะไร มันคือ ขนมที่มีกล้วย (Banana) และซอสเหนียวคาราเมล (Toffie) เลยออกมาเป็นบานอฟฟี (Banoffee) โดยในวิธีทำของเราจะมีการทำคาราเมลง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก พร้อมแล้วไปทำกันเลยค่ะ

ส่วนผสม
  1.            กล้วยหอม 2-3 ลูก
  2.            โอรีโอ้ 13 ชิ้น (26 ฝา)
  3.            เนยเค็ม 100 กรัม
  4.            ผงโกโก้
  5.            นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
  6.            วิปปิ้งครีม 130 กรัม
  7.            น้ำเปล่า
    •            ทำคาราเมลโดยใส่กระป๋องนมข้นหวานลงในหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปพอให้ท่วมกระป๋องนมข้นหวาน เปิดไฟต้มประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง (หมั่นดูน้ำให้ท่วมกระป๋องตลอดเวลาค่ะ ถ้าน้ำต้มลดลงให้เติมน้ำเรื่อย ๆ ค่ะ
    •            เมื่อต้มเสร็จจะได้หน้าตาคาราเมลแบบนี้ค่ะ (แนะนำว่าให้ทำคาราเมลเตรียมไว้ล่วงหน้า 1 วัน ถ้าจะทำบานอฟฟีพรุ่งนี้ ให้ทำคาราเมลเตรียมไว้ตั้งแต่วันนี้ค่ะ)
    •            ปาดเอาครีมระหว่างฝาของโอรีโอ้ออกค่ะ
    •            บดโอรีโอ้ให้ละเอียด (ใครมีเครื่องปั่นเอาลงเครื่องปั่นเลยค่ะ ถ้าใครไม่มีเอาใส่ถุงทุบ ๆ ด้วยขวดหรือใช้สากได้เลยค่ะ)
    •            ละลายเนยด้วยไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 40 วินาที ถ้าเนยยังไม่ละลายให้คนต่ออีกประมาณ 20 วินาที (ถ้าบ้านใครไม่มีไมโครเวฟให้ใช้อ่างน้ำร้อนรองแทนค่ะ)
    •            ผสมเนยละลายกับโอรีโอ้บด คนผสมจนเข้ากันดี
    •            เทใส่พิมพ์ที่สามารถถอดก้นได้ (ถ้าไม่มีเอาใส่ถ้วยธรรมดาก็ได้ค่ะ แต่เวลากินก็ต้องตักกินเอา เพราะจะถอดพิมพ์ลำบาก)
    •            เทคาราเมลส่วนหนึ่งลงบนโอรีโอ้ครัสต์ปริมาณมากน้อยตามชอบ
    •            วางกล้วยหอมทับลงไป
    •            เทคาราเมลที่เหลือปิดทับบนหน้ากล้วยหอมอีกรอบ
    •            ตีวิปปิ้งครีมจนตั้งยอดแข็ง
    •            บีบวิปปิ้งครีมลงไป ตกแต่งให้สวยงาม
    •            โรยผงโกโก้ลงไป (มากน้อยแล้วแต่ชอบเลยค่ะ เราโรยไปเยอะเลยเพราะอยากให้มันขม ๆ ตัดกับรสหวาน)
    •            นำไปแช่ในตู้เย็นอีกสัก 1-2 ชั่วโมง นะคะ จะได้อร่อย ๆ
    •            ซูม ๆ คาราเมลหน่อย หยาดเยิ้ม อ้วนแน่ ๆ จะเหลือเหรอ
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากคุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมวิธีทำ          ลองทำดูนะคะ บานอฟฟีสูตรคาราเมล มีความกรุบกรอบของโอรีโอ้ครัสต์ ความหวานชุ่มฉ่ำของกล้วยหอม และเนื้อครีมมีความเข้มข้น โรยผงโกโก้ลงไปเยอะ ๆ  รับรองว่า เมื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดสำหรับเพื่อนรักแล้วเขาจะต้องยิ้มไม่หุบแน่นอนค่ะhttp://cooking.kapook.com/view119512.html




    หน้าขาวใสแบบธรรมชาติ